Wat Pa Daeng

This stunning Buddhist temple dates back to the 13th century and was once the center for a unique sect of forest dwelling monks. Tucked away from the hustle and bustle of the city, Wat Pa Daeng is a hidden gem that is sure to provide a tranquil and restorative experience l.

Wat Pa Daeng (literally translates to "red forest temple"). The foundation of the temple have been laid by the mother of King Tilokaraj in 1447. It is located near the more famous Wat Umong. So if you go there also make this short detour to here. If you like to take photos here is the place and its not overcrowded.

Went to check this chapel out on our scooter as we wanted a break from city, amongst trees but still busy area, not occupied other then little fish is bowls of water around.

It's really nice forest temple

Hidden temple.

Ancient temple

เป็นวัดเก่าแก่ แถวหลัง มช. ร่มรื่น เงียบสงบ ได้ไปครั้งแรกแบบงงๆ เพราะขับรถผ่านแล้วเอะใจจอดรถหันไปมอง รู้สึกอยากขึ้นไปชม ไปดูรอบๆวัดนี้หน่อย เลยตัดสินใจลองแวะ ก็เลยได้มา เหมือนมีใครดลใจให้มาแหละ พระในโบสถ์สวยงาม ดูขลัง มีเมตตา โบสถ์ปิดนะแต่ก็โชคดีที่คนดูแลให้เข้าอีกทีก่อนปิดตอนเย็น ดีเลยได้เข้าไปกราบท่านมา เป็นอะไรที่จังหว่ะดีมากๆ ได้ร่วมใส่ซองทำบุญกฐินปี 66 ด้วยพอดี กราบสาธุ ไว้มีโอกาสจะไปใหม่

เป็นวัดที่มีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน เก่าแก่ เป็นวัดสำคัญมาแต่อดีต ภายในวัดสงบ สะอาด ปรับภูมิทัศน์ได้สวยงามแต่ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติไว้ได้ดีมาก มีที่จอดรถสะดวก

วัดสำคัญในประวัติศาสตร์อาณาจักรล้านนา โดยเฉพาะด้านพุทธิปัญญาในวิวัฒนาการพระพุทธศาสนาในล้านนาที่ส่งอิทธิพลไปยังอาณาจักรใกล้เคียง
การกำเนิดยุวชนสงฆ์ล้านนายังเติร์กเมื่อห้าร้อยปีที่ผ่านมาด้วยภูมิธรรมภูมิปัญญาของนิกายวัดป่าแดงส่งผลต่อการขยายความสำคัญล้านนาในสถานะการเป็นศูนย์กลางพระพุทธศาสนา ที่เร่งกระบวนการนำไปสู่การสังคายนาพระไตรปิฎกครั้งที่๘ของโลกที่วัดเจ็ดยอด ทำให้เกิดพระสงฆ์นักปราชญ์ที่ได้รจนาคัมภีร์ตำราสำคัญทางพระพุทธศาสนาที่ยังใช้ศึกษามาถึงปัจจุบัน

ด้วยความเป็นวัดสำคัญของพระเจ้าติโลกราช วัดป่าแดงจึงมีสิ่งน่าสนใจให้ศึกษามากมาย ไฮไลท์ที่แนะนำคืออุโบสถหลวงที่พระเจ้าติโลกราชได้ทรงอุปสมบท (ปัจจุบันได้มีการบูรณะแล้วในสมัยครูบาศรีวิชัย)

วิหารทรงล้านนาหลังคาสองตับ มีบานประตูวัดที่สวยที่สุดในล้านนา ประดับด้วยกระจกจืน

พระพุทธรูปพระประธานที่งดงามที่สร้างจากรูปแบบพระเจ้าเก้าตื้อวัดสวนดอก และพระพุทธรูปสำคัญอีกสามองค์

พระเจดีย์ทรงล้านนาขนาดใหญ่ที่ประดิษฐานอัฐิพระราชบิดาพระราชมารดาของพระเจ้าติโลกราช
ยังมีลวดลายปูนปั้นที่งดงามให้ศึกษา

วัดป่าแดงจึงเป็นวัดสำคัญมากที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ยุคทองของเชียงใหม่ โดยบทบาทของพระพุทธศาสนาที่มีส่วนเสริมความสำคัญของอาณาจักรล้านนา

มาเชียงใหม่ต้องมาวัดป่าแดง

วัดในเมือง สงบร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่

กฐินสามัคคี 2563 ทางกลุ่มแม่บ้าน ให้การต้อนรับดีมากๆ โรงทานมากมาย มาด้วยจิตศรัธา ขอพรคุณพระศรีรัตนไตร ส่งผลให้ท่านทั้งหลายที่มาร่วมงานบุญ มีแต่ความสุขสมปราถนาดั่งใจปรารถนา สาธุ... สาธุ... สาธุ......

วัดป่าแดงมหาวิหาร มีสถานที่สะอาด สงบ ร่มรื่น อยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่

วัดเก่าแก่ของเชียงใหม่ หลัง ม.ช.

ผ่านมาทางนี้

วัดสวยสงบร่มรื่น ไม่ไกลจากหลัง มช.

เป็นวัดที่อุดมไปด้วยต้นไม้ ร่มรื่น เย็นสบาย น้อยคนนักที่จะรู้จักวัดแห่งนี้ ขอเชิญร่วมมาทำบุญที่วัดป่าแดง เพื่อที่วัดจะได้มีการพัฒนาต่อๆไปครับ

เป็นวัดที่ร่มรื่นเป็นวัดทางประวัติศาสตร์ของเมืองเชียงใหม่เกี่ยวข้องกับกษัตริย์ของเมืองเชียงใหม่(ล้านนา)ตอนที่เจริญรุ่งเรืองมานสนกว่า700ปี

วัดป่าแดงมหาวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ 71 หมู่ทีา 14 บ้านใหม่หลังมอ ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราช เมื่อครั้งพระองค์ยังเสวยรราชย์งทรงผนวชในวัดนี้ เป็นเวลา 7 วัน ปัจจุบันนี่ มีพระครูโฆสืตปริยัตยาภรณ์ เป็นเจ้าอาวาส มีพระภิกษุ 5 รูป สามเณร 5 รูป มีสถานีวิทยุ เอ็ฟ เอ็ม 92.25mhz และศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ กำลังพัฒนาวัดตามโครงการศึกษาประวัตืศาสตร์เพื่ออนุรักษ์และพัฒนาวัดป่าแดงมหาวิหารอย่างยั่งยืน การสร้างกุฎิและศาลา และอื่น ๆ เป็นแบบสถาปัตยล้านนาประยุกต์ เพื่อเป็นเอกลักษณ์ข

วัน

สงบร่มเย็นด้วยร่มไม้ใหญ่

ドーイ・ステープの麓にある由緒ある古刹です。
15世紀後半から16世紀初頭にかけて成立したスリランカ系上座仏教の新派「パーデーン寺派」の本拠地でした。
パーデーン寺派は、ラーンナー王朝第7代サームファンケーン王の時代（1402-1441）にスリランカへ仏教を学びに行ったマハーヤーナカンピー（マハーニャーナガンビーラ）師を派祖とする一派です。
マハーヤーナカンピー師は、もとは、スワンドーク寺派の高僧でワット・ナンターラームの住職であったマハータムマキッティ師の弟子でした。ある時、スリランカに修学経験のある別の高僧シッターンタ師から、スリランカ滞在中の経験談として、スワンドーク寺派の僧侶はパーリ語の読み方が間違っており、重要な僧団儀式である授具足戒式のやり方もおかしい、と批判されたという話を聞かされました。授具足戒式というのは、出家して僧団の正式なメンバーである比丘になるための重要な儀式で、戒律の規定に忠実にしたがって執行しなければなりません。おかしなところがある授具足戒式は無効となり、無効の儀式によって得た比丘の身分は正統性がなくなります（偽僧侶になってしまう）。
この話を聞かされて、マハーヤーナカンピー師は大きなショックを受けました。また、これのことはチェンマイの僧団にも報告され、大問題となりました。サームファンケーン王にも奏上されました。このため、ラーンナーの仏教を「正しい仏教」にしなければならない、ということになり、スリランカの上座仏教を学ぶべく、留学僧が数名選ばれて、スリランカへ派遣されることになりました。団長にはマハーヤーナカンピー師が任命されました。
スリランカでの修学を終えた留学僧たちは、1430年頃にチェンマイに戻りました。彼らは、仏典や仏像、菩提樹を持ち帰ったと言います。
マハーヤーナカンピー師は、師匠であるマハータムマキッティ師の諒解を得た後、スリランカ直伝の正しい作法による授具足戒式を普及させる活動を始めました。「偽僧侶」と見なされるのを良しとしない多くの僧侶が押しかけて授具足戒式を受け直しました。在家の出家希望者も多く来たそうです。
当初は恐らく、ワット・ナンターラームのウボーソット（布薩堂）で儀式を行っていたのでしょうが、希望者が多く、そこでは対応しきれなくなりました。そこで、サームファンケーン王に新たな寺院を建立してくれるよう依頼しました。こうして建てられたのがワット・パーデーン（「赤い森の寺院」の意）です。
マハーヤーナカンピー師らから授具足戒式を受けて比丘になった（あるいは、なり直した）僧侶たちは、グループ意識を持つようになり、一派を形成するようになりました。これが「パーデーン寺派」の起こりです。
当初はスワンドーク寺派との関係は良好でしたが、次第に互いを批判するようになってゆき、両派は対立してゆきました。
第9代ティローカラート大王の治世期になると、大王はパーデーン寺派を贔屓にするようになります。大王は、この寺院でサームファーンケーン王と自分の母の葬儀を行っており、またここで短期出家をしています。大王の熱烈な支援により寺院施設は急速に整備されてゆきました。
ちなみに、寺院の階段上り口から東へ約400m離れたところには、サームファンケーン王の遺骨が埋葬されたと伝えられている仏塔があります。住宅街の中の私有地にあります。
第11代ムアンケーオ王も、ワット・パーデーンを贔屓にし、積極的に支援しました。この時期に改修事業などが行われています。
ラーンナーの国力が充実していた「黄金期」の国王から盛んな支援を受けたワット・パーデーンは、大きく発展しました。現ミャンマーのチェントンにも進出してゆきました。
寺域は今よりもはるかに広く、現在は丘の上にしかありませんが、かつては丘の下のほうにも広がっていました。
しかし、ミャンマー王朝国家によるチェンマイ属国支配の時代に、この寺院は衰退し荒廃してしまいました。再興・再整備や考古調査がなされたのは、復興ラーンナー王朝の時代以降です。現在、丘の上に見られる建物の多くは19世紀に入ってから修復または新築されたものです。比較的最近も整備事業が行われています。
ですから、創建当時を偲ぶことのできるものは、あまり見られません。ティローカラート大王が亡くなった父母を荼毘にふした場所に建てられたというウボーソット（布薩堂、※階段をのぼってすぐのところにある）も、1970年に建て直されたものです。ただ、境内にそびえる菩提樹の古木は、もしかすると、マハーヤーナカンピー師らがスリランカから持ち帰った菩提樹の子孫かもしれません。