Wat Boromphuttharam

Old temple in area of university. There is the location of scene famous thai TV drama. Don’t forget to take the photo around the antique bridge. In the Ayudhya era, the area was the famaous market.

I've been to Ayutthaya a lot of times, dozens, and remember driving by this temple and not stopping nearly as many times. But this time my wife stopped.

Lots of times you visit a temple here, and it's big, and hot, and lots of people, you just want to get it over with. This place is small, and at least when we were there, devoid of tourists. It made for a pleasant change, where you can just relax and enjoy the moment.

The temple is exactly like the others but on a smaller scale. Would return.

Beautiful and quite old temple in Ayutthaya. Worth for visit!!

Very beautiful and peaceful old temple.

The beauty of the construction arts.

worth seeing

วัดพระบรมพุทธาราม และสะพานบ้านดินสอเป็นโบราณสถาน ที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกัน หากเรามองหาสถานที่เที่ยวอยุธยา ที่เป็นแหล่งปักหมุดให้นักท่องเที่ยวมาชม ที่นี่จะติด 1 ใน 10 วิธีเดินทางก็ใช้ Google Map ซึ่งอาจจะทำให้ดูงงๆ เพราะตรงที่จอดรถ เป็นสถานที่ราชการ ซึ่งเราไปวันหยุดเลยหาที่จอดได้ วัดบรมพุทธาราม สร้างในสมัยของพระเพทราชา แห่งราชวงศ์บ้านพลูหลวง มีเอกสารทางประวัติศาสตร์บอกว่า ที่วัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธสิหิงค์มาก่อน ศูนย์สะพานดินสอ ประวัติศาสตร์บอกไม่ได้ว่าสร้างในสมัยใด ตรวจสะพานนั้น ได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร เป็นสะพานอิฐ ปูพื้นด้วยการเลนส์สารอิฐเป็นก้างปลา ข้างล่างเป็นน้ำ เวลาถ่ายรูปต้องถ่ายไกลๆ ด้วยกล้อง ถึงจะเก็บภาพได้หมด ส่วนมือถือปัจจุบันเป็นเลนส์ wide แล้ว ไม่ต้องถอยไกลก็ได้ สถานที่ 2 ที่นี้เป็นพื้นที่โล่งๆ ห่างกันประมาณ 100 เมตร เข้าชมได้ฟรี มีต้นไม้มาก แต่ต้องระวังมดบริเวณต้นไม้ แต่ต้องระวังมดบริเวณรากต้นไม้ สำหรับคนชอบเที่ยวประวัติศาสตร์ ที่มีความเป็นมา แนะนำสถานที่นี้ ไม่ไกลจากตัวเมือง เดินทางสะดวก และใช้เวลาไม่นาน ส่วนประวัตินั้น หาอ่านได้ตาม Google เวลาเที่ยวชมก็ซึมซับ ประวัติศาสตร์ และสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ให้ซึมซับในหัวใจ

วัดบรมพุทธาราม และสะพานบ้านดินสอ เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่ในบริเวณใกล้กัน วัดบรมพุทธารามมีศิลปกรรมที่โดดเด่น รวมถึงเรื่องราวทางประวัติศาสตร์เกี่ยวเนื่องกับราชวงศ์บ้านพลูหลวง ตั้งอยู่ในเขตรั้วมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ทิศตะวันตกติดกับถนนพระศรีสรรเพชญ์ ฝั่งตะวันออกติดกับแนวคลองฉะไกรน้อย ซึ่งเป็นคลองโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยา ทิศเหนือเป็นที่ตั้งของสะพานบ้านดินสอ ใช้เวลาในการสร้าง 3 ปีเศษ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้หมื่นจันทรา ทำกระเบื้องเคลือบสีเหลืองมุงหลังคาพระอุโบสถและพระวิหาร ชาวกรุงศรีอยุธยาจึงเรียกกันว่า วัดกระเบื้องเคลือบ ปัจจุบันเป็นวัดร้าง ตั้งแต่ครั้งเสียกรุงครั้งที่ 2 เมื่อ พ.ศ. 2310 แต่ก็ยังเหลือเค้าโครงความงดงามให้เห็น โดยเฉพาะอุโบสถที่ยังมีผนังเหลืออยู่เกือบเต็มทั้ง 4 ด้าน

สะพานบ้านดินสอ อยู่ที่วัดนี้เป็นจุดเด่น และยังคงสภาพดี สามารถเดินข้ามได้ นอกจากจุดนี้โบสถ์เก่าที่ไร้หลังคาเหมือนกับวัดอื่นๆในเขตอุทยานประวัติศาสตร์ที่เห็นจนชินตา โครงสร้างฐานที่หลงเหลืออยู่ก็พอจะจิตนาการถึงอดีตที่เคยรุ่งเรื่องได้ เข้าไหว้ขอพร และถ่ายภาพได้สวยงาม

วัดเก่าอีกวัดหนึ่ง ยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก อยู่ภายในพื้นที่ราชภัฏอยุธยา ไฮไลต์ของที่นี่คือสะพานข้ามกาลเวลาที่มีโค้งต้นไม้คลุมอยู่สองฝั่ง ร่มรื่นสวยงามมาก มีตัวอาคารของวัดเหลืออีกไม่มาก แต่ก็ได้รับการดูแลอนุรักษ์ไว้อย่างดี ไปเที่ยวได้ไม่ยาก คนไม่เยอะ

วัดบรมพุทธาราม วัดโบราณในเขตเกาะเมืองอยุธยาที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อราว พ.ศ. 2232 สร้างขึ้นบริเวณนิวาสสถานเดิมของ สมเด็จพระเพทราชา ปฐมกษัตริย์ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมพระคชบาล (เจ้ากรมช้าง) โปรดฯ ให้สร้างวัดบรมพุทธรามขึ้น ณ บริเวณพระนิเวศน์เดิมของพระองค์ในบริเวณที่เรียกว่า บ้านหลวง ตำบลป่าตอง ซึ่งอยู่ในเขตกำแพงพระนคร ริมคลองฉะไกรน้อยใกล้กับประตูไชย ใช้ระยะเวลาในการสร้างถึง 3 ปีเศษ นอกจากนี้ยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้หมื่นจันทรา ทำกระเบื้องเคลือบสีเหลืองมุงหลังคาพระอุโบสถและพระวิหาร ชาวกรุงศรีอยุธยาจึงนิยมเรียกกันเป็นสามัญว่า วัดกระเบื้องเคลือบ​ ด้วยเหตุเพราะหลังคาพระอุโบสถมุงกระเบื้องเคลือบสีเหลืองแกมเขียว จึงทำให้วัดบรมพุทธารามมีความสวยงามโดดเด่นกว่าพระอารามอื่น ๆ ในบริเวณเดียวกัน ที่ยังนิยมใช้กระเบื้องดินเผามุงหลังคาอยู่ มีเอกสารกล่าวว่าครั้งหนึ่งวัดนี้เคยเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิหิงค์มาก่อน
ส่วนภายในพระอุโบสถเคยมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรงดงามแต่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาอีกทั้งถูกพม่าเผาในคราวเสียกรุง
ในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ทำการปฏิสังขรณ์พระอารามครั้งใหญ่โดยโปรดให้ทำบานประตูประดับมุขฝีมือวิจิตร 3 คู่ซึ่งปัจจุบันคู่หนึ่งอยู่ที่ หอพระมณเฑียรธรรม ใน พระบรมมหาราชวัง อีกคู่หนึ่งอยู่ที่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ และอีกคู่ได้ผู้มีนำไปทำตู้หนังสือปัจจุบันอยู่ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
ภายในวัดมีพระอุโบสถเก่าแก่เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ฐานแอ่นโค้งเป็นรูปเรือสำเภา ซุ้มประตูหน้าต่างตกตแงด้วยลวดลายปูนปั้นที่งดงาม ภายในประดิษฐานพระประธานเป็นพระพุทธรูปก่ออิฐถือปูนปางมารวิชัย
เป็นวัดที่มีความสวยงามของช่องหน้าต่างและประตูรอบพระอุโบสถมองออกมาตรงช่องจะตรงกับโบสถ์ที่อยู่ด้านนอกพอดี และหากมองมาจากข้างนอกก็จะเห็นพระประธานที่ประดิษฐานที่อูยู่ข้างใน

วัดเท่ ๆ ที่ซุกซ่อนอยู่ในราชภัฎอยุธยา

กับสะพานโค้งตั้งแต่สมัยอยุธยา

.
.
.

วัดบรมพุทธาราม

วัดโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ในราชภัฏอยุธยา

เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งตั้งแต่สมัยโบราณ

.

จุดสำคัญที่เราอยากดูคือสะพานโค้ง

ที่น่าจะเหลืออยู่แห่งเดียวในอยุธยา

.
.

บรรยากาศร่มรื่น

ท่านสามารถจอดรถได้ในราชภัฏ

.
.

สามารถเข้าชมได้ตลอดในเวลาราชการ

โดยไม่เสียค่าเข้าชม

วัดบรมพุทธาราม วัดโบราณในเขตเกาะเมืองอยุธยาที่สร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายเมื่อราว พ.ศ. 2232 สร้างขึ้นบริเวณนิวาสสถานเดิมของ สมเด็จพระเพทราชา ปฐมกษัตริย์ ราชวงศ์บ้านพลูหลวง เมื่อครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็นเจ้ากรมพระคชบาล (เจ้ากรมช้าง) โดยบริเวณหลังคาพระอุโบสถเป็นหลังคากระเบื้องเคลือบทำให้ผู้คนในสมัยนั้นเรียกวัดแห่งนี้ว่า วัดกระเบื้องเคลือบ ส่วนภายในพระอุโบสถเคยมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนังที่วิจิตรงดงามแต่ได้เลือนหายไปตามกาลเวลาอีกทั้งถูกพม่าเผาในคราวเสียกรุง

ต่อมาในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ได้ทำการปฏิสังขรณ์พระอารามครั้งใหญ่โดยโปรดให้ทำบานประตูประดับมุขฝีมือวิจิตร 3 คู่ซึ่งปัจจุบันคู่หนึ่งอยู่ที่ หอพระมณเฑียรธรรม ใน พระบรมมหาราชวัง อีกคู่หนึ่งอยู่ที่ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษดิ์ และอีกคู่ได้ผู้มีนำไปทำตู้หนังสือปัจจุบันอยู่ใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

ปัจจุบันตั้งอยู่ในเขต มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานสำคัญของชาติเมื่อ พ.ศ. 2484

Cr. Wikipedia

เป็นโบราณสถานเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยาอีกแห่งหนึ่ง อยู่ภายในมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา

วัดนี้ไปแล้วขนลุก เหมือนหบุดไปอยู่ในยุคนี้น

... "วัดบรมพุทธาราม" : สมเด็จพระเพทราชาพระมหากษัตริย์ต้นราชวงศ์บ้านพลูหลวง โปรดให้จัดสร้างวัดแห่งนี้ขึ้น เดิมเรียกขานขนานนาม "วัดกระเบื้องเคลือบ" ตามการเลือกใช้ "กระเบื้องเคลือบ"มุงหลังคาอุโบสถ ซึ่งแตกต่างจากวัดทั่วไปในช่วงเวลานั้นที่มุงด้วย "กระเบื้องดินเผา"
...วัดแห่งนี้ถูกทิ้งร้าง จากการเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2310) จวบจนปัจจุบัน ถาวรวัตถุภายในวัดชำรุดหักพังจากคราเสียกรุงและทรุดโทรมตามกาลเวลา สิ่งที่หลงเหลือคือ หลักฐานทางประวัติศาสตร์ ที่เปี่ยมด้วยคุณค่าบอกเล่าความรุ่งเรืองแต่หนหลัง ที่ควรค่าแก่การเยี่ยมชม อาทิ.
*พระอุโบสถ * สถานที่พระภิกษุสงฆ์ใช้ทำสังฆกรรมตามพระวินัย แม้ชำรุดทรุดโทรมไร้หลังคาคลุม แต่ผนังอุโบสถทั้ง 4 ด้าน ยังสะท้อนศิลปะอันงดงาม ทั้งซุ้มประตู, ซุ้มหน้าต่าง,ฐานสิงห์ ลวดลายปูนปั้น ภายในประดิษฐานพระประธาน ก่ออิฐถือปูน ปางมารวิชัย ประทับบนฐานก่ออิฐถือปูน เมื่อได้สักการะขอพรเบื้องหน้าองค์พระประธาน สัมผัสได้ถึงพระเมตตาและความศักดิ์สิทธิ์.
*บริเวณโดยรอบยังมีถาวรวัตถุทั้ง พระวิหาร,เจดีย์ทรงปรางค์, สะพานป่าดินสอ สะพานก่ออิฐข้ามคลองโบราณที่แฝงด้วยความงามบนความเรียบง่ายและแวดล้อมด้วยร่มเงาไม้ใหญ่.

วัดเก่าสวยและเจดีย์สวยงามค่ะ

วัดบรมพุทธาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ... วัดนี้อยู่ติดกับอุทยานประวัติศาสตร์ มีสภาพสมบูรณ์ สวยงาม อยู่ในเขตมหาวิทยาลัยราชภัฏอยุธยา เอารถไปจอดในราชภัฏ แล้วเดินไปชมได้เลย วัดบรมพุทธาราม อยู่ใกล้ประตูใหญ่กำแพงเมืองด้านใต้ มีซากโบสถ์ เจดีย์ มีลวดลายหลงเหลืออยู่ เดินชมรอบๆ ตอน 6 โมงกว่าแสงเริ่มน้อย ได้แต่จินตนาการว่าวัดนี้ในอดีตตอนยังสมบูรณ์ จะงดงามขนาดไหน

วัดที่เงียบสงบในเขตมรภ.อยุธยา ในบริเวณ เดียวกันมีสะพานแห่งหนึ่ง ชื่อ สะพานดินสอ เป็นสะพานเล็กๆ สร้างด้วยอิฐ สวยงามคลาสสิคมาก ถ่ายรูปเพลินเลย

วัดบรมพุทธาราม
กราบสักการะ