Wat Satue

Famous temple
A lot of people came by for blessing

Nice!!!

Awesome

This is my home town. I grew up here with this reclining Buddha.

Temple locates right bank of Pasak river, near Rama 6 dam.

Very famous and beautiful temple.

Good

Nice temple with a nice market..

Very good

Beautiful temple

I loved very good

FORD

peacefulness

ไปตอนเช้าคนยังไม่เยอะ มีคนมาไหว้ขอพรแก้บน ของกินขายเยอะมาก มีจุดให้ทำบุญเยอะ แลกเงินได้ ข้างหลังมีจุดให้อาหารปลาและนก จอดรถข้างหน้าเสียค่าจอดค่ะ

คนเยอะมากครับ สายบูชาสมเด็จพุฒาจารย์โตนี่แนะนำเลยครับ 👍👍👍

ว่ากันตามตรงผมพึ่งเห็น วัดนี้เป็นวัดแรกที่ให้ตลาดมาอยู่ในวัด ของขายเยอะมากๆ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่ผสมผสานระหว่างวัดและชาวบ้านได้เป็นอย่างดี♥❤❤

ที่จอดรถของทางวัดก็มีนะครับแต่ว่าห่างออกไปประมาณ 200เมตร มีรถรับส่ง แต่ถ้านำรถมาและอยากจอดใกล้ๆเดินสะดวกก็เสียตังค์เอานะครับคันละ 30 บาท 😅

องค์พระนอนมีขนาดใหญ่มากครับ มีคนเข้าไปไหว้เยอะมากครับ😇😇

วันนี้ข้าพเจ้าได้มีโอกาสเข้ามาสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ณ วัดสะตือ แห่งนี้ ขอให้ทุกท่านทุกผู้ทุกนาม ได้โปรดช่วยอำนวยอวยชัยให้ลูกและครอบครัวรวมถึงท่านเจ้ากรรมนายเวรและท่านผู้มีอุปการะคุณทั้งหลายมีแต่ความสุขความเจริญด้วยเถิด

วัดสะดือ เป็นวัดที่คนมาทำบุญเยอะมาก มีร้านขายของมากมาย เหมาะสำหรับสายบุญบวกกับนักช้อป มีพระพุทธรูปนอนองค์ใหญ่ ค่าจอดรถยนต์ 30 บาท ไปมา วันที่ 22/10/66

วัดสะตือเป็นวัดที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก เป็นวัดบ้านเกิดสมเด็จพุฒาจารย์โต ความเชื่อความเชื่อและศรัทธาในบารมีสมเด็จโต ประชาชนทุกสารทิศต่างก็เดินทางมาไหว้สักการะขอพรสมเด็จโต และพระนอน วัดสะตือ สร้างขึ้นเป็นวัดนับแต่ พ.ศ. ๒๔๐๐ เดิมตั้งอยู่ทางทิศเหนือขึ้นไปไม่ไกลนัก ที่เรียกว่า วัดสะตือ เพราะมีต้นสะตือใหญ่เป็นนิมิต ต่อเมื่อสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต) พรหมรังสี ได้มาดำเนินการสร้างพระพุทธไสยาสน์แล้ว วัดสะตือจึงได้ย้ายมาตั้งที่บริเวณพระนอนนี้และ เรียกนามตามชื่อตำบลว่า "วัดท่างาม" กาลต่อมา สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง รัชกาลที่๕ ได้เสด็จไปทรงนมัสการพระพุทธบาท ได้เสด็จขึ้นที่ท่าตำบลนี้ ๒ ครั้ง แต่นั้นมาจึงเรียกตำบลว่า "ตำบลท่าหลวง" และเรียกนามวัดว่า "วัดท่าหลวง" แต่ต่อมากลับไปเรียกว่า "วัดสะตือ" ตามนามเดิมอีก ซึ่งยุติต้องกันกับการเสด็จประพาสต้นครั้งที่ ๒
ตามจดหมายเหตุรัชกาลที่ ๕ ระบุไว้ตอนหนึ่งว่า "วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ร.ศ. ๑๒๕ (พ.ศ. ๒๔๔๙) ได้กินข้าวกลางวันที่วัดท่างาม ทรงทำครัวและเสวยที่ตรงบริเวณใต้เศียรพระนอนใหญ่ และที่เรียกกันว่า ท่าหลวง นั้นเกิดขึ้นใหม่ เพราะพระจุลจอมเกล้าฯ เสด็จมานมัสการรอยพระพุทธบาท ๒ ครั้ง ขึ้นที่ท่างามทั้ง ๒ ครั้ง ตามพระราชนิพนธ์ รัชกาลที่ ๕ ในจดหมายเหตุเรื่องเสด็จประพาสต้น ครั้งที่ ๒ วัดท่างามดังกล่าวนั้นหมายถึง "วัดสะตือ" ในปัจจุบัน และ ที่วัดนี้มีโรงเรียนประถมศึกษาของทางราชการตั้งอยู่ในบริเวณที่ดินของวัด วัดสะตือได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งหลังวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ. ๒๔๙๘ เขตวิสุงคามสีมา กว้าง ๑๐ เมตร ยาว ๒๔ เมตร

ที่นี่มีตักบาตรข้าวสารด้วยนะคะ ทำบุญได้หลายอย่างมากมีสถานที่กว้างขวางไม่แออัด มีแม่น้ำนั่งสบายๆอากาศเย็นดีมากให้อาหารปลาไหว้พระทำบุญทำทานที่เดียวเลยค่ะ

มีพระพุทธรูปนอนใหญ่มาก สวยงาม มีที่รับจอดรถตรงข้ามวัดเลย 30บาท

สร้างในสมัยรัชกาลที่5 สร้างโดยสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)พรหมรังสี เป็นวัดที่มีชื่อเสียงโดยเฉพาะหลวงพ่อโตวัดสะตือถือว่าศักดิ์สิทธิ์พุทธศาสนิกชนเดินทางมากราบไหว้ขอพรกันอย่างเนื่องแน่นเมื่อการบนแล้วสำเร็จนิยมแห่แตรวงหรือกองยาวรำแก้บนรอบองค์พระพุทธรูปปางพุทธาไสยาสน์ ยาว 25 วา บริเวณด้านหลังวัดติดแม่น้ำป่าสักและเขื่อนพระรามหกที่เป็นจุดเริ่มต้นของคลองระพีพัฒน์