Wat Mano Phirom

Wat Mano Phirom turned out to be one of the highlights of our Isaan driving trip. For people who think that Thai temples are all about gilt and glitz, this may be the antidote. It is a beautifully understated Isaan style sim (ordination hall) with village-style carving and stucco work. Whether you are looking at the stucco guardian figures or the glass inlay on the front pillars, this place is a treasure trove of ancient arts and crafts.

Historical place must visit and nice river view

Quiet place to worship a Buddha statue

There is an Old and Great Sima hall locate here, the Arts is totally different from normal temple. Is a must to visit when you are here!

But sad is the historical building has deteriorate, some of the old building structures has broken off, etc... .

The authority department require to do something before it too late....

I personally recommend this restaurant. The thai staff isn't exceptional but okay. If you like esan hotpot, this place is for you.

Okay

มาไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด มี รูปหล่อท้าวคำสิงห์ มีรูปหล่ออดีตเจ้าอาวาส 3 รูป ญาท่านหอ ญาทานบุ พระครูกัสปะ มีพระพุทธรูปโบราณอยู่ในโบสถ์ สวยงาม เป็นวัดโบราณ หลายร้อยปี ส่วนประวัติตามนี้ครับ

วัดมโนภิรมย์ หรือ วัด บ้านชะโนด ตั้งอยู่ที่ อำเภอ หว้านใหญ่ จังหวัดมุกดาหาร สร้างขึ้นเมื่อ ปีพ.ศ. 2230 โดยมีท้าวคำสิงห์ และญาติที่ย้ายมาจากบ้านท่าสะโนประมาณ 30 ครอบครัวเศษ เป็นผู้สร้าง พร้อมกับการตั้งบ้านชะโนดและเมืองมุกดาหาร ณ ป่าชะโนด ใต้ปากห้วยชะโนด ครั้งแรกเรียกชื่อว่า วัดบ้านชะโนด ภายหลังใช้ชื่อว่า “วัดมโนภิรมย์”
บ้านชะโนดและวัดมโนภิรมย์ สร้างขึ้นตรงกับสมัยอยุธยาตอนปลาย รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช แรกเริ่มสร้างวัดนั้นอยู่ในระยะที่ตั้งตัวใหม่ เสนาสนะคงมีแต่กุฏิ และศาลาโรงธรรมและรั้ววัดเท่านั้น วัดมโนภิรมย์มาเจริญเป็นปึกแผ่นมั่นคงเมื่อพ.ศ. 2269 ต่อมาผู้นำในการสร้างและต่อเติมวัดแห่งนี้คือท่าน หอ พระครูกัสสปะ จารย์โชติ บุตรชายท้าวเมืองโครก ผู้นำวัสดุก่อสร้างวัดพระราชทานจากกษัตริย์กรุงเวียงจันทน์ การก่อสร้างโบสถ์ พัทธสีมา ส่วนประกอบ ลวดลาย รั้ววัด เสร็จเรียบร้อยภายใน3 ปี คือ พ.ศ. 2299
วันที่ 28 เดือน มีนาคม พ.ศ. 2447 เกิดอัคคีภัย ไฟไหม้ บ้านเรือน วัดวาอาราม วอดวายเสียหายอย่างประเมินค่ามิได้ โดยเฉพาะวัดมโนภิรมย์อันมีกุฏิ วิหาร พัทธสีมา ศาลาการเปรียญ ตู้พระไตรปิฏก พระพุทธรูป เรือแข่ง รั้ววัด ตลอด ฆ้อง กลอง ระฆัง ไฟไหม้วอดวายเสียหายสิ้น
พ.ศ.2448 ศรีสุราช และชาวบ้านได้ไปนิมนต์พระบุ นันทวโร จากบ้านท่าสะโนซึ่งเป็นบ้านเดิม มาเป็นผู้นำซ่อมแซมปฏิสังขรณ์ ท่านได้นำชาวบ้านซ่อมแซมวัดมโนภิรมย์ อยู่ 6 ปี จึงสำเร็จเรียบร้อยทุกอย่าง คือ กุฏิ วิหาร พัทธสีม ศาลา รั้ววัด แม้กระทั่งเรือแข่ง ด้วยความพากเพียรพยายามของท่าน การปฏิสังขรณ์จึงสำเร็จลุล่วงลงด้วยดี และคงไว้ซึ่งศิลปะดั้งเดิม การบูรณะปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2454
ศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมที่ควรหยิบยกขึ้นมากล่าวถึง คือแบบอย่าง เป็นแบบ เขมร ไทย ลาว ผสมผสานกัน แต่ทุกอย่างประณีตอ่อนช้อยงดงาม
(1) โบสถ์ หลังชั้นเดียว หน้าจั่วแหลมชันและงอน ซุ้มประตูใหญ่หน้าบันแกะสลักลวดลายวิจิตรโดดเด่น หาดูได้ยาก เสาสลักลวดลายอ่อนช้อยรดด้วยลายนกทอง ภายในพระประธานเป็นอิฐปูนแต่เด่นสง่า สมสัดส่วน ฐานลดหลั่นงดงาม รอบฐานมีรูปสิงห์หมอบ ตรงบันไดทุกช่องเป็นรูปจระเข้คู่ ตรงบันไดใหญ่หน้าบันเป็นคชสีห์คู่ ขนาดเท่าม้า แสดงถึงความลึกซึ้งเก่าแก่
(2) พัทธสีมา ศิลปะคล้ายๆ แบบขอ พระประธาน เป็นพระกัจจาย
(3) รั้ววัดและซุ้มประตูวัด เป็นไม้เนื้อแข็ง กลึงเป็นรูปบัวตูมฝังเรียงกัน ซุ้มประตูทำเป็นเสาใหญ่เท่าต้นตาล แต่กลึงเป็นรูปบัวตูม มีรูปปั้นด้วยอิฐปูนเป็นยามเฝ้าประตูทุกช่อง น่าเกรงขามมาก มีบันไดท่าน้ำ ทำเป็นบันไดอิฐปูนลดหลั่นลงตลิ่ง มีรูปหมาเป็นยามนั่งเฝ้า 1 คู่ ตัวโตขนาดเท่าเก้ง แต่สวยงามมาก
(4) พระองค์ตื้อ เป็นพระทองสัมฤทธิ์ หล่อขึ้นในสมัยที่พระครูกัสสปะเป็นเจ้าอาวาสแทนท่านหอ แต่ไม่ทราบวัน เดือน ปี ที่แน่นอน
(5) พระองค์แสน เป็นพระพุทธรูปสมัยเชียงแสนหล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ในเวลาใกล้เคียงกัน เป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์และงดงามมาก
(6) พระพุทธรูปปางห้ามญาติ สมัยศรีวิชัย
(7) พระงา เป็นพระพุทธรูปงาช้างที่แกะสลักโดยพระอุปัชฌาย์บุนันทวโร พระเจ้า 8 พระองค์

การบริหารเเละการปภครอง มีเจ้าอาวาส เท่าที่ทราบนาม คือ

รูปที่ ๑ พระบุญ
รูปที่ ๒ พระลัง
รูปที่ ๓ พระบุ
รูปที่ ๔ พระเเพง
รูปที่ ๕ พระพรหม
รูปที่ ๖ พระสังข์
รูปที่ ๗ พระลัง
รูปที่ ๘ พระจันทร์
รูปที่ ๙ พระคูณ
รูปที่ ๑๐ พระขาว
รูปที่ ๑๑ พระมา
รูปที่ ๑๒ พระชู
รูปที่ ๑๓ พระหมุน
รูปที่ ๑๔ พระอินทร์
รูปที่ ๑๕ พระกัณหา
รูปที่ ๑๖ พระล้ำ
รูปที่ ๑๗ พระปรีชา โกวิโท
รูปที่ ๑๘ พระผดุง
รูปที่ ๑๙ พระจำปา
รูปที่ ๒๐ พระคำต้น
รูปที่ ๒๑ พระบรรทม
รูปที่ ๒๒ พระสมนีก กันตะสีโล พ.ศ.๒๕๒๑-๒๕๒๘
รูปที่ ๒๓ พระหมุน สิริจันโท พ.ศ. ๒๕๒๘-๒๕๓๗
รูปที่ ๒๔ พระพัด พุทธะญาโณ พ.ศ.๒๕๓๗

วัดมโนภิรมย์ วัดสวยของจ.มุกดาหารที่ใครไปต้องเเวะกราบไหว้ขอพรพระประธานองค์ใหญ่ที่สุดหากขับรถไปเองเเนะนำให้ขับไปก่อน 09:00เช้าจะได้ขับขึ้นไปถึงบริเวณวัดหากไปหลังจากนั้นต้องจอดรถเพื่อขึ้นรถสองเเถวของวัดที่รอรับส่งไฮไลต์ของที่นี้คือองค์ปู่พยานาคด้านในที่องค์สวยมากเดินเข้าไปเหมือนได้รับพลังบารมี จากองค์ปู่เข้าไปบูชาพานดอกไม้ผ้าเเดงกราบไหว้ค่าบูชาตามศัลธา เหมือนได้รับพร สาธุๆๆ🙏🙏🙏😇

เป็นวัดที่มีสิมโบราณน่าไปมากๆครับ

เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นโดยช่างสถาปัตยกรรมจากนครเวียงจันทน์ ต่อมาเกิดไฟไหม้วัดเสียหายอย่างมาก และได้บูรณะปฏิสังขรณ์แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2454 ที่วัดมีสถาปัตยกรรมที่น่าสนใจ เช่น วิหาร พระอุโบสถ และซุ้มบันไดโบสถ์ที่เก่าแก่และสวยงาม

วัดมโนภิรมย์ ตั้งอยู่บ้านชะโนด ตำบลชะโนด ใกล้กับหาดมโนภิรมย์ เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นโดยช่างจากเวียงจันทน์ มีสิม (พระอุโบสถ) เป็นศิลปะลาวแบบเวียงจันทน์ผสมศิลปะญวน ที่ราวบันไดสิมประดับด้วยประติมากรรมปูนปั้นรูปสัตว์ผสมที่มีลักษณะคล้ายสิงห์คายพญานาค และมีประติมากรรมรูปสิงโตขนาดเล็กอีกคู่ที่ด้านหน้าซึ่งเป็นศิลปะแบบญวน ซุ้มประตูสิมทำด้วยปูนปั้นมีลักษณะเป็นซุ้มซ้อนชั้นลดหลั่นกันขึ้นไป ซึ่งเป็นการสร้างซุ้มประตูตามคติปราสาท แสดงถึงฐานันดรสูงของอาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูป แผ่นไม้แกะสลักปิดบริเวณหน้าอุดปีกนกของสิมสลักเป็นลวดลายดอกไม้สี่กลีบและลายขัดสานซึ่งเป็นลวดลายที่พบมากในศิลปะลาวสกุลช่างเวียงจันทน์ เสาของสิมเป็นเสาก่ออิฐถือปูนทรงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ บัวหัวเสาเป็นงานปูนปั้นระบายสี เป็นศิลปะแบบญวน ภายในสิมประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น นาคปรกปางมารวิชัย กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2525 นอกจากนี้ในพระวิหารของวัด ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์และรอยพระพุทธบาท จุดที่น่าสังเกตุคือท่าประทับไสยาสน์ขององค์พระพุทธรูปจะตะแคงพระวรกายไปทางซ้ายซึ่งต่างจากพระไสยาสน์ทั่วไปที่ตะแคงด้านขวา

วัดโบราณที่มีเอกลักษณ์ สามารถแวะมากราบพระ ขอขมากรรมได้ตลอด แต่อาจมีที่จอดรถน้อยไปนิดหน่อย แต่คนไม่มาก สามารถเยี่ยมชม ถ่ายภาพ ริมแม่น้ำโขงได้

วัดเก่าแก่ โบสถ์ไม้300ปี วัดติดริมแม่น้ำโขง มองเห็นวิวฝั่งลาวได้ชัดเจน ลมเย็นสบาย ไปไหว้พระขอพรสมมุ่งมั่นปราถนา 🙏🙏

โบสถ์โบราณเก่าแก่เหมาะกับการมาเที่ยวชม

เป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางของชุมชน สงบ ร่มเย็น ที่สถาปัตยกรรมที่สวยงาม ตั้งอยู่ริมคอลงติดกับแม่น้ำโขง วิวสวยมาก

ในวัดมีอุโบสถเก่าแก่ มีรูปแบบที่โดดเด่น ใครได้ผ่านมาแถวนี้แนะนำให้แวะมาได้เลยครับ

เป็นวัดที่เงียบสงบ ติดอยู่กับริมแม่น้ำโขง เป็นวัดเก่าแก่ ศิลปะของคนลาว สวยเก่าเคร่งขรึมตามรูปเลยครับจอดรถได้หลายร้อยคัน

Très beau temple ancien
Belle architecture, fresques

วัดเก่าแก่​มีประวัติศาสตร์​ยาวนานน่าศึกษา​

วัดมโนภิรมย์ ตั้งอยู่บ้านชะโนด ตำบลชะโนด ใกล้กับหาดมโนภิรมย์ เป็นวัดเก่าแก่สร้างขึ้นโดยช่างจากเวียงจันทน์ มีสิม (พระอุโบสถ) เป็นศิลปะลาวแบบเวียงจันทน์ผสมศิลปะญวน

ที่ราวบันไดสิมประดับด้วยรูปปั้นรูปสัตว์ผสมที่มีลักษณะคล้ายสิงห์คายพญานาค และมีรูปปั้นสิงโตขนาดเล็กอีกคู่ที่ด้านหน้าซึ่งเป็นศิลปะแบบญวน ซุ้มประตูสิมทำด้วยปูนปั้นมีลักษณะเป็นซุ้มซ้อนชั้นลดหลั่นกันขึ้นไป ซึ่งเป็นการสร้างซุ้มประตูตามแนวความเชื่อว่าสร้างเป็นปราสาท ที่แสดงว่าผู้คนให้การยอมรับในพระพุทธศาสนาว่าเป็นของสูงค่าที่ควรเคารพ ภายในสิมประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้น นาคปรกปางมารวิชัย

กรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อปี พ.ศ. 2525 นอกจากนี้ในพระวิหารของวัด ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์และรอยพระพุทธบาท จุดที่น่าสังเกตุคือท่าประทับไสยาสน์ขององค์พระพุทธรูปจะตะแคงพระวรกายไปทางซ้ายซึ่งต่างจากพระไสยาสน์ทั่วไปที่ตะแคงด้านขวา

ในปี 2564 ได้มีการอัญเชิญพญายมราชมาประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ โดยให้พญายมราชหันหลังให้แม่น้ำโขง โดยหันหน้าไปทางกรุงเทพมหานคร ให้ดวงตาขององค์ท่านมองการกระทำของมนุษย์ทุกคน เพื่อให้มนุษย์ได้พิจารณาการกระทำของตัวเราเอง ว่าเป็นไปในทางบาปหรือบุญ เป็นคุณหรือโทษ ในระหว่างช่วงชีวิตที่ยังมีอยู่ นอกจากนี้ในการระลึกบูชาองค์พญายมยังมีอานิสงส์ที่สำคัญ คือเพื่อความเป็นสิริมงคลในด้านของการต่ออายุให้ยาวนาน หรือให้หายจากโรคภัยต่างๆ อีกด้วย

วัดเก่าแก่ โบสถ์มหาอุต พระมหาสังกัจจาย พระนาคปรกเก่าแก่สวยงามมาก

พระปรางนาคปรกสำหรับคนเกิดวันเสาร์ กราบไหว้เป็นศิริมงคลเชื้อสายลูก หลานพยานาค